Pages

Tuesday, July 14, 2020

'กำไร' ไม่สำคัญเท่า 'แนวโน้ม' - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

milanokabar.blogspot.com

พลวัตปี 2020 : ฐปนี แก้วแดง (แทน)

การแถลงผลประกอบการไตรมาสสองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว  ซึ่งแน่นอนว่า โควิด-19 คงจะพ่นพิษต่อผลกำไรของบริษัทกันถ้วนหน้า  ด้วยการรับรู้เช่นนี้ มีความเป็นไปได้มากว่า ตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้คาดหวังต่อกำไรบริษัทมาก และในขณะที่ข่าวร้ายเกี่ยวกับโควิด-19 ยังไม่สร่างซาลง สิ่งที่ตลาดอยากจะได้ยินน่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวมากกว่า

จากข้อมูลของ Refinitiv I/B/E/S มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทในวอลล์สตรีท จะลดลงถึงประมาณ 44% โดยจะเป็นผลกำไรรายไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่เมื่อกำไรของบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลงประมาณ 67% ในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2551

จากการคาดการณ์กำไรเป็นรายกลุ่ม กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีน่าจะมีกำไรลดลงน้อยสุดเพียง 8% แต่ภาคพลังงานน่าจะมีกำไรลดลงมากสุดถึง 154%   ตามมาด้วยกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งคาดว่ากำไรจะลดลงประมาณ 114%

ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่รวบรวมโดยแฟ็กเซตชี้ว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรของบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะลดลงเกือบ 45% ส่วนรายได้คาดว่าจะลดลงมากกว่า 10%   บริษัทค้าปลีก พลังงาน และบริษัทอุตสาหกรรมน่าจะมีกำไรและยอดขายลดลงมากสุดเช่นกัน

ผลประกอบการไตรมาสสองถือว่าเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดของวิกฤตไวรัสโคโรนา ซึ่งตัวเลขที่ออกมาจะเผยให้เห็นว่า โควิด-19 ได้สร้างความเสียหายต่อกำไรอย่างไรในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำมากกว่า 30%

ธนาคารและบริษัทการเงินจะเป็นกลุ่มแรกที่จะเปิดเผยผลกำไรไตรมาสสองในสัปดาห์นี้  โดยในสหรัฐฯ เจพี มอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกได้แถลงผลประกอบการไตรมาสสองไปเมื่อคืนนี้ หากกำไร และรายได้ดีกว่าคาด คงจะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดได้ แต่จากข้อมูลของ Refinitiv คาดว่าภาคการเงินน่าจะมีกำไรลดลงมากกว่า 52%

การแถลงผลประกอบการของบริษัท เป็ปซี่โค เมื่อวันจันทร์ ที่ดีกว่าคาดทั้งกำไรและรายได้ ได้ทำให้อารมณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กระชุ่มกระชวยเล็กน้อย  แม้ว่ายอดขายเป็ปซี่ลดลงเพราะมีการปิดภัตตาคารอย่างแพร่หลาย แต่นักลงทุนกลับมองข้าม และราคาหุ้นเป็ปซี่ได้ปรับตัวขึ้น เพราะว่า ยอดขายของว่างเช่น “เลย์” เพิ่มขึ้นตามพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค

การใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น เป็นประโยชน์กับตลาดของว่าง  จากข้อมูลของนีลสัน ยอดขายมันฝรั่งออนไลน์พุ่งถึง 93.5% ขณะเดียวกันยอดขายแผ่นข้าวโพดทอดกรอบ (tortilla chips) พุ่งขึ้นถึง 101.2% ในสัปดาห์วันที่ 20 มิถุนายน

เรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลขกำไรและยอดขายที่ไม่สวยนัก สามารถทำให้นักลงทุนแสดงปฏิกิริยาในทางบวกได้และอาจเป็นสัญญาณที่ชี้ได้ว่า นักลงทุนไม่ได้เคลื่อนไหวตามผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่พยายามที่จะมองหาแนวโน้มที่ดี ๆ เมื่อไตรมาสสองสิ้นสุดลง

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สิ่งที่นักลงทุนจับตามองในขณะนี้คือ บริษัทจะมีแนวโน้มในการบริหารจัดการอย่างไร  มีแผนลดต้นทุนหรือไม่ และกิจการมีสัญญาณการฟื้นตัวมากน้อยเพียงไร

ในขณะเดียวกันข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ก็ยังมีผลต่อการเคลื่อนไหวในตลาดมากเช่นเดิม โดยโฟกัสสำคัญยังคงอยู่ที่ว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นขนาดไหน รัฐบาลการบริหารจัดการได้ดีเพียงไร และจะมีการล็อกดาวน์ใหม่หรือไม่ และถ้ามี จะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอีกนานเท่าไหร่  แล้วจะมีมาตรการอุดหนุนเศรษฐกิจอีกหรือไม่ และที่สำคัญจะมียารักษาหรือวัคซีนเมื่อไหร่

นอกจากกำไรไตรมาสสองแล้ว สัปดาห์นี้ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค และยอดขายปลีกและการตัดสินใจของ “โอเปกพลัส” ว่าจะลดกำลังการผลิตเท่าเดิมหรือลดน้อยลงหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อราคาน้ำมันและราคาหุ้นพลังงาน

นักเศรษฐศาสตร์กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ข้อมูลเหล่านี้จะพลิกผันหรือไม่ และมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือไม่

กำไรไตรมาสสองอาจจะเป็นตัวทดสอบต่อตลาดก็จริง  แต่ในยามนี้ สิ่งที่สำคัญอาจจะไม่ได้อยู่ที่ “ตัวเลข” แต่อยู่ที่ว่า “แนวโน้ม” จะดีหรือร้ายมากกว่า

Let's block ads! (Why?)


July 15, 2020 at 06:21AM
https://ift.tt/3fuuvK3

'กำไร' ไม่สำคัญเท่า 'แนวโน้ม' - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
https://ift.tt/2XKd8gI
Home To Blog

No comments:

Post a Comment